การแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายร่างกายนั้น ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้เสียหายเป็นหลัก หากผู้เสียหายประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรือเพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย การแจ้งความลงบันทึกประจำวันก็เป็นขั้นตอนที่จำเป็น
การแจ้งความลงบันทึกประจำวันนั้น เป็นการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนผู้เสียหายเพื่อรวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกใบบันทึกประจำวันให้ผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน
ใบบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายร่างกาย โดยผู้เสียหายสามารถนำใบบันทึกประจำวันไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้
นอกจากนี้ การแจ้งความลงบันทึกประจำวันยังมีประโยชน์อื่นๆ ดังนี้
- ใช้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำความผิด
- ใช้เป็นหลักฐานในการขอคุ้มครองความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- ใช้เป็นหลักฐานในการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กองทุนยุติธรรม
ดังนั้น หากผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกาย และประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด การแจ้งความลงบันทึกประจำวันจึงเป็นขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อปกป้องสิทธิและประโยชน์ของตนเอง
อย่างไรก็ตาม การแจ้งความลงบันทึกประจำวันไม่ได้หมายความว่าผู้กระทำความผิดจะถูกดำเนินคดีเสมอไป ขึ้นอยู่กับหลักฐานและพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หากหลักฐานไม่เพียงพอ พนักงานสอบสวนอาจไม่รับแจ้งความร้องทุกข์ หรืออาจสั่งไม่ฟ้องผู้กระทำความผิดได้
ดังนั้น ผู้เสียหายควรรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้ครบถ้วน เพื่อสนับสนุนการแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
หลักฐานที่อาจนำมาประกอบในการแจ้งความร้องทุกข์ เช่น
- ใบบันทึกประจำวัน
- ใบรับรองแพทย์
- บันทึกการพูดคุยกับพยาน
- หลักฐานภาพถ่ายหรือวิดีโอ
นอกจากนี้ ผู้เสียหายควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำในการแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด