การค้ำประกันซื้อรถเป็นสัญญาที่บุคคลหนึ่งตกลงรับผิดแทนบุคคลอื่น หากบุคคลที่กู้เงินผิดนัดชำระหนี้ บุคคลที่ค้ำประกันจะมีหน้าที่ชำระหนี้แทน
ในกรณีที่ผู้กู้ผ่อนรถไม่ไหวและคืนรถให้ไฟแนนซ์ ไฟแนนซ์อาจฟ้องผู้ค้ำประกันเพื่อเรียกชำระหนี้แทนผู้กู้ได้ โดยไฟแนนซ์จะต้องดำเนินการดังนี้
- แจ้งเตือนผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้แทนผู้กู้
- หากผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ ไฟแนนซ์จะฟ้องผู้ค้ำประกันต่อศาล
- ศาลจะมีคำสั่งให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้
ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันถูกฟ้องยึดทรัพย์ ศาลอาจสั่งให้ยึดทรัพย์ของลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันเพื่อนำมาชำระหนี้ โดยทรัพย์ที่อาจถูกยึดได้ ได้แก่ ที่ดิน บ้าน รถยนต์ เงินฝาก เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้ำประกันอาจต่อสู้คดีเพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องชำระหนี้หรือหลีกเลี่ยงการถูกยึดทรัพย์ได้ โดยอาจอ้างเหตุต่างๆ เช่น
- ผู้กู้ปกปิดข้อมูลที่สำคัญ เช่น รายได้ ภาระหนี้สิน เป็นต้น
- ผู้กู้จงใจผิดนัดชำระหนี้
- ไฟแนนซ์เรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันถูกฟ้องยึดทรัพย์ ผู้ค้ำประกันควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำในการต่อสู้คดี
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ค้ำประกันซื้อรถ
- ควรพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจค้ำประกัน
- ควรทำสัญญาค้ำประกันอย่างรอบคอบ โดยระบุเงื่อนไขต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน เช่น วงเงินค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
- ควรติดตามสถานะการผ่อนชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างสม่ำเสมอ
- หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันควรติดต่อลูกหนี้เพื่อหาทางแก้ไข
- หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ผู้ค้ำประกันควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำในการต่อสู้คดี