ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อซื้อรถยนต์แล้วนำรถยนต์ไปขายต่อ แต่ไม่ได้ผ่อนชำระค่างวดรถตามสัญญาเช่าซื้อ ไฟแนนซ์สามารถดำเนินการฟ้องร้องผู้เช่าซื้อได้ โดยฟ้องเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกค่างวดรถที่ค้างชำระและค่าเสียหายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าเสียโอกาส ค่าดำเนินการต่างๆ
หากศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ของผู้เช่าซื้อเพื่อชำระหนี้ ไฟแนนซ์สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้เช่าซื้อได้ ซึ่งทรัพย์ที่ไฟแนนซ์สามารถยึดได้ ได้แก่ รถยนต์ที่เช่าซื้อ ทรัพย์สินอื่นๆ ที่ผู้เช่าซื้อมีกรรมสิทธิ์ หรือทรัพย์สินของผู้ค้ำประกัน
เมื่อไฟแนนซ์ได้รับหมายศาลยึดทรัพย์แล้ว ผู้เช่าซื้อหรือผู้ค้ำประกันสามารถดำเนินการดังนี้
- ยื่นคำขอไกล่เกลี่ยต่อศาล เพื่อหาข้อตกลงในการชำระหนี้กับไฟแนนซ์
- ยื่นคำคัดค้านคำร้องขอยึดทรัพย์ต่อศาล เพื่อขอให้ศาลพิจารณาพิพากษายกคำร้องขอยึดทรัพย์
- ยื่นคำร้องขอคุ้มครองทรัพย์ต่อศาล เพื่อขอให้ศาลสั่งห้ามไฟแนนซ์ดำเนินการยึดทรัพย์
ทั้งนี้ ผู้เช่าซื้อหรือผู้ค้ำประกันควรปรึกษาทนายความเพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินการต่อไป
ในกรณีนี้ หากผู้เช่าซื้อได้รับหมายศาลยึดทรัพย์แล้ว ผู้เช่าซื้อควรดำเนินการดังนี้
- รีบปรึกษาทนายความเพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินการต่อไป
- รวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี เช่น สัญญาเช่าซื้อ ใบเสร็จรับเงินค่างวดรถ ใบแจ้งหนี้ค่าปรับ เป็นต้น
- ติดต่อไฟแนนซ์เพื่อเจรจาหาทางออกร่วมกัน
- หากไม่สามารถเจรจากันได้ ผู้เช่าซื้ออาจพิจารณายื่นคำขอไกล่เกลี่ยต่อศาล
ทั้งนี้ ผู้เช่าซื้อควรดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและเพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการดำเนินคดี