ซื้ออพาร์ทเม้นต์แล้วโดนเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นรีสอร์ต แล้วโดนไล่ออก

กรณีซื้ออพาร์ทเม้นต์แล้วโดนเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นรีสอร์ต แล้วโดนไล่ออก ถือว่าผู้เช่ามีสิทธิที่จะฟ้องร้องผู้ให้เช่าได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นการผิดสัญญา และเป็นการไล่ผู้เช่าออกจากที่พักอาศัยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ตามพระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 บัญญัติว่า “ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกการเช่าอสังหาริมทรัพย์ได้ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามสัญญาเช่าและปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดแล้ว”

ดังนั้น การที่ผู้ให้เช่าเปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นรีสอร์ตโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เช่า ถือว่าผู้ให้เช่าไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาเช่า และเป็นการบอกเลิกการเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ การที่ผู้ให้เช่าไล่ผู้เช่าออกจากที่พักอาศัยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าผู้ให้เช่าละเมิดสิทธิของผู้เช่าตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และผู้เช่ามีสิทธิที่จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ให้เช่าได้

สิทธิของผู้เช่าในการฟ้องร้องผู้ให้เช่าในกรณีนี้ มีดังนี้

  • ฟ้องร้องขอให้บังคับให้ผู้ให้เช่าปฏิบัติตามสัญญาเช่าเดิม
  • ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการบอกเลิกการเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  • ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิของผู้เช่า

ผู้เช่าสามารถฟ้องร้องผู้ให้เช่าได้ที่ศาลแพ่ง โดยยื่นฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าอสังหาริมทรัพย์

ในการฟ้องร้อง ผู้เช่าจะต้องนำหลักฐานต่างๆ ดังนี้มาประกอบคำฟ้อง ได้แก่

  • สัญญาเช่าเดิม
  • เอกสารหลักฐานที่แสดงว่าผู้ให้เช่าได้เปลี่ยนแปลงสัญญาเป็นรีสอร์ต
  • เอกสารหลักฐานที่แสดงว่าผู้ให้เช่าได้ไล่ผู้เช่าออกจากที่พักอาศัย

หากผู้เช่าฟ้องร้องผู้ให้เช่าและชนะคดี ศาลอาจพิพากษาให้บังคับให้ผู้ให้เช่าปฏิบัติตามสัญญาเช่าเดิม และ/หรือ เรียกค่าเสียหายจากผู้ให้เช่า และ/หรือ สั่งให้คืนค่าเสียหายแก่ผู้เช่า

ทั้งนี้ ผู้เช่าควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำในการฟ้องร้องผู้ให้เช่า

Share on: