การซื้อบ้านที่ถูกขายทอดตลาดคืนสามารถทำได้ ดังนี้
- ตรวจสอบสถานะทรัพย์สินที่ถูกยึด
ก่อนอื่น จะต้องตรวจสอบสถานะทรัพย์สินที่ถูกยึดว่าอยู่ในระหว่างการบังคับคดีหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์กรมบังคับคดี หรือสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานบังคับคดีที่รับผิดชอบ
- ยื่นคำร้องขอซื้อทรัพย์สิน
เมื่อตรวจสอบสถานะทรัพย์สินแล้วพบว่าอยู่ในระหว่างการบังคับคดี จะต้องยื่นคำร้องขอซื้อทรัพย์สินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยสามารถยื่นคำร้องได้ที่สำนักงานบังคับคดีที่รับผิดชอบ
- ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์สิน
เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าผู้ร้องมีสิทธิซื้อทรัพย์สินได้ จะต้องชำระเงินค่าซื้อทรัพย์สินตามราคาที่ชนะการประมูล ภายในระยะเวลาที่กำหนด
- โอนกรรมสิทธิ์
เมื่อชำระเงินค่าซื้อทรัพย์สินแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำหนังสือโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ตามอัตราที่กำหนด
เอกสารที่ต้องเตรียมในการยื่นคำร้องขอซื้อทรัพย์สิน
- สำเนาบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)
- ใบรับรองสถานะหนี้
- หนังสือรับรองเงินฝากประจำธนาคารเพื่อเป็นหลักประกันการชำระราคา
ข้อดีและข้อเสียของการซื้อบ้านที่ถูกขายทอดตลาดคืน
ข้อดี
- ราคาขายมักต่ำกว่าราคาตลาด
- มีโอกาสได้บ้านในทำเลที่ต้องการ
- สามารถทำสัญญาซื้อขายกับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้โดยตรง
ข้อเสีย
- อาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้าน
- อาจมีภาระผูกพันกับเจ้าหนี้เดิม เช่น ภาระจำนองหรือภาระค้ำประกัน
การคัดค้านการขายทอดตลาด
ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่ถูกยึดสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้ ในกรณีดังนี้
- ราคาขายต่ำกว่าราคาตลาด
- มีการทุจริตหรือฉ้อฉลในการประมูล
- ทรัพย์สินถูกยึดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
สรุป
การซื้อบ้านที่ถูกขายทอดตลาดคืนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านในราคาที่ถูก อย่างไรก็ตาม จะต้องศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้