ที่ดิน ส.ป.ก. ไม่สามารถแย่งการครอบครองได้ แม้จะครอบครองมานานเท่าไหร่ก็ตาม เพราะเป็นที่ดินที่รัฐจัดสรรให้เกษตรกรทำกิน โดยเกษตรกรผู้ได้รับสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก. มีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นแต่เพียงผู้เดียว บุคคลอื่นไม่สามารถแย่งการครอบครองที่ดินดังกล่าวได้ แม้จะเป็นญาติก็ตาม
ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 37 ระบุว่า บุคคลที่มิได้รับจัดสรรจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไม่มีสิทธิแย่งการครอบครองผู้ที่ได้รับจัดสรรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เพราะเป็นที่ดินที่รัฐมีกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินที่ได้มาตามกฎหมายดังกล่าว แต่ ส.ป.ก. อาจอนุญาตให้สิทธิแก่เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในที่ดินได้ เมื่อ ส.ป.ก. ได้อนุญาตให้ผู้ใดเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว ผู้นั้นจึงเป็นผู้มีสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว สิทธิในการทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. นี้กฎหมายกำหนดไว้ด้วยว่าอาจตกทอดทางมรดกให้แก่ทายาทโดยธรรมได้ ดังนั้น เมื่อผู้ได้รับจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ถึงแก่ความตาย ทายาทโดยธรรมของผู้ได้รับจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย
ดังนั้น การที่เจ้าของที่ดิน ส.ป.ก. ให้ญาติมาอาศัยอยู่ในที่ดินนั้น ญาติดังกล่าวไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินนั้นแต่อย่างใด แม้จะครอบครองมาเป็นเวลานานก็ตาม หากเจ้าของที่ดินประสงค์จะโอนสิทธิในที่ดินนั้นให้แก่ญาติ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยต้องนำเอกสารหลักฐานต่างๆ เช่น หนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้โอนและผู้รับโอน หนังสือยินยอมจากทายาทโดยธรรม (ถ้ามี) เป็นต้น ยื่นคำขอต่อ ส.ป.ก. เพื่อขอโอนสิทธิในที่ดินนั้นให้แก่ญาติ