บำเน็จดำรงชีพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่อดีตผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือให้สามารถดำรงชีพได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยอัตราบำเหน็จดำรงชีพจะคำนวณจากอัตราเงินสงเคราะห์รายเดือน ดังนี้
- อัตราบำเหน็จดำรงชีพ = 15 เท่าของเงินสงเคราะห์รายเดือน
- แต่ไม่เกินรายละ 500,000 บาท
ผู้ที่มีสิทธิได้รับบำเหน็จดำรงชีพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้แก่
- ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่เกษียณอายุราชการหรือลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการ
- ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้
- ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่เสียชีวิต
การขอรับบำเหน็จดำรงชีพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องยื่นคำขอรับบำเหน็จดำรงชีพต่อสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยแนบเอกสารหลักฐานประกอบดังนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหนังสือรับรองการเกษียณอายุราชการ หรือหนังสือรับรองการลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุราชการ
- สำเนาใบรับรองแพทย์ในกรณีผู้ปฏิบัติงานประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้
- สำเนาใบมรณบัตรในกรณีผู้ปฏิบัติงานเสียชีวิต
การรถไฟแห่งประเทศไทย จะเริ่มจ่ายบำเหน็จดำรงชีพ ให้กับผู้มีสิทธิได้รับบำเหน็จดำรงชีพ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
ตัวอย่างการคำนวณบำเหน็จดำรงชีพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
สมมติว่า ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีอัตราเงินสงเคราะห์รายเดือน 10,000 บาท
อัตราบำเหน็จดำรงชีพ = 15 เท่าของเงินสงเคราะห์รายเดือน = 15 x 10,000 = 150,000 บาท
แต่ไม่เกินรายละ 500,000 บาท
ดังนั้น ผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยรายนี้จะได้รับบำเหน็จดำรงชีพ 500,000 บาท
ที่มา:
- ข้อบังคับการรถไฟแห่งประเทศไทย ฉบับที่ ๔.๔ กองทุนผู้ปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๒๘
- มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๔
- เว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย