การปรับโครงสร้างหนี้บ้านอาจทำให้ค่าผ่อนส่งมากกว่าเดิมได้ สาเหตุหลักมาจาก 2 ประการ ได้แก่
- ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น เมื่อปรับโครงสร้างหนี้ ธนาคารอาจพิจารณาให้ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น เพื่อแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระในแต่ละงวด แต่นั่นก็หมายถึงการต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งหมดมากขึ้นเช่นกัน
- อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ในกรณีที่ผู้กู้มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ หรือมีความสามารถในการชำระหนี้ลดลง ธนาคารอาจพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างหนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง เช่น
- สามารถผ่อนชำระได้ต่อไป ในกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ตามเดิมได้ การปรับโครงสร้างหนี้อาจช่วยให้ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้ต่อไปได้
- ลดภาระการผ่อนชำระในแต่ละงวด ในกรณีที่ธนาคารพิจารณาให้ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น หรือปรับลดจำนวนเงินผ่อนชำระในแต่ละงวด
- ลดความเสี่ยงในการถูกยึดทรัพย์ ในกรณีที่ผู้กู้สามารถผ่อนชำระหนี้ตามเงื่อนไขของการปรับโครงสร้างหนี้ได้ ความเสี่ยงในการถูกยึดทรัพย์จะลดลง
ดังนั้น การปรับโครงสร้างหนี้จึงควรเป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้กู้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้บ้าน หากผู้กู้สามารถหาวิธีอื่นในการลดภาระการผ่อนชำระได้ เช่น หารายได้เพิ่ม หรือลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น การปรับโครงสร้างหนี้อาจไม่จำเป็น