การผ่าตัดไส้เลื่อนเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้ไขปัญหาไส้เลื่อน การผ่าตัดสามารถช่วยให้ไส้เลื่อนกลับคืนสู่ตำแหน่งปกติและป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้
การผ่าตัดไส้เลื่อนมี 2 วิธีหลักๆ คือ
- การผ่าตัดเปิด (Open surgery) เป็นการผ่าตัดที่แพทย์จะทำการกรีดแผลขนาดใหญ่บริเวณที่ไส้เลื่อนเกิดขึ้น จากนั้นแพทย์จะซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่อ่อนแอหรือขาดหายไป
- การผ่าตัดแผลเล็ก (Minimally invasive surgery) เป็นการผ่าตัดที่แพทย์จะทำการกรีดแผลขนาดเล็กหลายแผลบริเวณที่ไส้เลื่อนเกิดขึ้น จากนั้นแพทย์จะซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่อ่อนแอหรือขาดหายไปโดยใช้กล้องและเครื่องมือขนาดเล็ก
การผ่าตัดไส้เลื่อนมักเป็นการผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอก ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ในวันเดียวกันหลังการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาจต้องพักฟื้นที่บ้านเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
ข้อดีของการผ่าตัดไส้เลื่อน ได้แก่
- ช่วยให้ไส้เลื่อนกลับคืนสู่ตำแหน่งปกติ
- ป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
- ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างรวดเร็ว
ข้อเสียของการผ่าตัดไส้เลื่อน ได้แก่
- อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ เลือดออก ปวดแผล
- ผู้ป่วยอาจต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล
การตัดสินใจว่าจะผ่าตัดไส้เลื่อนดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความรุนแรงของอาการ ตำแหน่งของไส้เลื่อน ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย และความชอบของผู้ป่วย
โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดไส้เลื่อนเป็นการรักษาที่แนะนำสำหรับไส้เลื่อนที่มีอาการรุนแรงหรือมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ไส้เลื่อนที่โป่งออกมามาก ไส้เลื่อนที่กลับเข้าไปในช่องท้องได้ยาก หรือไส้เลื่อนที่มีอาการปวดอย่างรุนแรง
สำหรับไส้เลื่อนขนาดเล็กที่ไม่มีอาการรุนแรง อาจสามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การลดน้ำหนัก การหลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการใช้ผ้ารัดไส้เลื่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม
ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีปัญหาไส้เลื่อน
- ปรึกษาแพทย์หากมีอาการไส้เลื่อน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ดูแลแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของแพทย์
- นัดพบแพทย์เพื่อตรวจติดตามอาการ
หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับไส้เลื่อน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำปรึกษา