กรณีผู้สูงอายุได้รับเงินบำนาญแล้ว โดนเรียกเงินผู้สูงอายุคืนนั้น เกิดจากการที่ผู้สูงอายุได้รับเงินผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น ซึ่งขัดกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2552 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์จะได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุว่าจะต้องไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ หรือเงินอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน
ดังนั้น ในกรณีนี้ ผู้สูงอายุจะต้องคืนเงินผู้สูงอายุให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ได้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้ โดยอปท. จะดำเนินการเรียกเงินคืนจากผู้สูงอายุตามขั้นตอนดังนี้
- อปท. จะส่งหนังสือแจ้งให้ผู้สูงอายุทราบถึงการเรียกคืนเงินผู้สูงอายุ โดยระบุรายละเอียดของเงินที่ต้องคืนและระยะเวลาในการชำระคืน
- หากผู้สูงอายุไม่ชำระคืนเงินผู้สูงอายุภายในระยะเวลาที่กำหนด อปท. จะดำเนินการฟ้องร้องผู้สูงอายุเป็นคดีแพ่งเพื่อเรียกเงินคืน
ในกรณีที่ผู้สูงอายุไม่ชำระคืนเงินผู้สูงอายุ อปท. อาจมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของผู้สูงอายุ เช่น บ้าน ที่ดิน ทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้สูงอายุ หรือทรัพย์สินของผู้ค้ำประกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุอาจขอให้ศาลพิจารณายกเว้นการเรียกคืนเงินผู้สูงอายุได้ หากผู้สูงอายุมีเหตุอันสมควร เช่น ผู้สูงอายุมีรายได้น้อย ผู้สูงอายุมีภาระค่าใช้จ่ายสูง หรือผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวที่ต้องรักษา
สำหรับแนวทางในการดำเนินการในกรณีนี้ ผู้สูงอายุสามารถดำเนินการดังนี้
- ติดต่ออปท. เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลว่าผู้สูงอายุมีคุณสมบัติได้รับเงินผู้สูงอายุหรือไม่ หากผู้สูงอายุมีคุณสมบัติได้รับเงินผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุจะต้องชำระคืนเงินผู้สูงอายุให้แก่อปท.
- หากผู้สูงอายุมีเหตุอันสมควรที่จะขอให้ศาลพิจารณายกเว้นการเรียกคืนเงินผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณายกเว้นการเรียกคืนเงินผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุควรปรึกษาทนายความเพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินการต่อไป