การที่ลูกชายนำรถจักรยานยนต์ที่ผ่อนยังไม่หมดไปขายนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดสัญญาเช่าซื้อ เนื่องจากรถจักรยานยนต์นั้นเป็นทรัพย์สินของสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อ การที่ลูกชายนำรถจักรยานยนต์ไปขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อ เท่ากับเป็นการผิดสัญญาเช่าซื้อและอาจทำให้ลูกชายต้องรับผิดตามกฎหมายได้
โทษทางกฎหมาย
หากลูกชายนำรถจักรยานยนต์ที่ผ่อนยังไม่หมดไปขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อ สถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้ออาจฟ้องลูกชายต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ โดยค่าเสียหายอาจรวมถึง
- ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ
- ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา
- ค่าเสียหายอื่นๆ เช่น ค่าขาดประโยชน์
นอกจากนี้ ลูกชายอาจต้องรับโทษทางอาญาฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 อีกด้วย
แนวทางการแก้ไข
หากลูกชายนำรถจักรยานยนต์ที่ผ่อนยังไม่หมดไปขายไปแล้ว พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกชายเพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน โดยอาจดำเนินการดังนี้
- ติดต่อสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อเพื่อขอชะลอการผ่อนชำระ หรือขอผ่อนชำระในจำนวนที่ลดลง
- หาผู้ซื้อรายใหม่เพื่อนำเงินมาปิดยอดผ่อนชำระ
- ชำระหนี้ทั้งหมดให้กับสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อ
แนวทางป้องกัน
เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกชายเกี่ยวกับเรื่องการเงินอย่างสม่ำเสมอ และควรสอนให้ลูกชายรู้จักวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ โดยพ่อแม่อาจให้คำแนะนำให้ลูกชายทำประกันรถจักรยานยนต์ไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุหรือสูญหาย พ่อแม่ยังสามารถช่วยลูกชายหาแหล่งเงินกู้ที่ปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง
หากพ่อแม่ต้องการช่วยลูกชายชำระหนี้รถจักรยานยนต์ที่ผ่อนยังไม่หมด พ่อแม่ควรทำด้วยความรอบคอบ โดยควรตรวจสอบข้อมูลของสถาบันการเงินผู้ให้เช่าซื้อให้แน่ใจว่ามีความน่าเชื่อถือ และควรศึกษาเงื่อนไขการกู้ยืมให้ละเอียดก่อนตัดสินใจกู้ยืมเงิน