วิธีขอที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อขอที่ดินทำกิน

ที่ดิน ส.ป.ก. คือ ที่ดินที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าดำเนินการปฏิรูป โดยจัดสรรให้แก่เกษตรกรผู้ยากไร้ไร้ที่ดินทำกินและบุตรหลานเกษตรกรที่ยากจน

การขอที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อขอที่ดินทำกิน มีขั้นตอนดังนี้

  1. ขึ้นทะเบียนเกษตรกร

ผู้ประสงค์ขอที่ดิน ส.ป.ก. ต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับสำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัด โดยนำเอกสารหลักฐานไปยื่น เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) เป็นต้น

  1. ยื่นคำขอที่ดิน

ผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่มีคุณสมบัติจะได้รับหนังสือแจ้งผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร จากนั้นสามารถยื่นคำขอที่ดิน ส.ป.ก. ได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัด โดยนำเอกสารหลักฐานไปยื่น เช่น หนังสือแจ้งผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) เป็นต้น

  1. คณะกรรมการพิจารณา

คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. จะพิจารณาคำขอที่ดิน โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของผู้ขอที่ดิน สภาพที่ดิน และความจำเป็นในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม

  1. ประกาศผลการพิจารณา

คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. จะประกาศผลการพิจารณา โดยผู้ได้รับการพิจารณาจะได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณา

  1. ลงนามในสัญญาเช่าที่ดิน

ผู้ได้รับการพิจารณาจะต้องลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับ ส.ป.ก. โดยมีระยะเวลาเช่า 30 ปี และต้องชำระค่าเช่าที่ดินตามอัตราที่กำหนด

คุณสมบัติของผู้ขอที่ดิน ส.ป.ก.

ผู้ขอที่ดิน ส.ป.ก. ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

  • เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย
  • มีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์
  • เป็นผู้ยากไร้ไร้ที่ดินทำกินหรือบุตรหลานเกษตรกรที่ยากจน
  • ไม่เคยได้รับที่ดิน ส.ป.ก. มาก่อน
  • มีอาชีพเกษตรกรรม

เอกสารหลักฐานในการขอที่ดิน ส.ป.ก.

เอกสารหลักฐานในการขอที่ดิน ส.ป.ก. มีดังนี้

  • บัตรประจำตัวประชาชน
  • ทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
  • หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกร

อัตราค่าเช่าที่ดิน ส.ป.ก.

อัตราค่าเช่าที่ดิน ส.ป.ก. มีดังนี้

  • ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัย อัตรา 10 บาทต่อไร่ต่อปี
  • ที่ดินประเภททำกิน อัตรา 20 บาทต่อไร่ต่อปี

ระยะเวลาในการขอที่ดิน ส.ป.ก.

ระยะเวลาในการขอที่ดิน ส.ป.ก. ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ดินที่ขอและจำนวนผู้ขอที่ดิน โดยเฉลี่ยแล้วใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี

ช่องทางการขอที่ดิน ส.ป.ก.

ผู้ประสงค์ขอที่ดิน ส.ป.ก. สามารถยื่นคำขอได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอหรือสำนักงานเกษตรจังหวัด

Share on: