หากศาลฎีกาตัดสินคดีที่ดินแล้ว จำเลยเพิกเฉยและยังบุกรุก แนวทางในการดำเนินการมีดังนี้
- ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอให้บังคับคดี
ผู้ชนะคดีสามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อขอให้บังคับคดี โดยยื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาคำพิพากษา สำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น ศาลฎีกาจะพิจารณาคำร้องและออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับให้จำเลยออกจากที่ดินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกออก
- ยื่นคำร้องต่อพนักงานอัยการ
ผู้ชนะคดีสามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานอัยการเพื่อขอให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยฐานบุกรุก โดยยื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาคำพิพากษา สำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น พนักงานอัยการจะพิจารณาคำร้องและดำเนินคดีอาญากับจำเลยตามขั้นตอนของกฎหมาย
- ดำเนินการทางแพ่งด้วยตนเอง
ผู้ชนะคดีสามารถดำเนินการทางแพ่งด้วยตนเอง โดยยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลเพื่อขอให้บังคับจำเลยออกจากที่ดินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกออก โดยยื่นฟ้องพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาคำพิพากษา สำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น
ทั้งนี้ แนวทางในการดำเนินการที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น มูลค่าของที่ดิน ความรุนแรงของการบุกรุก เป็นต้น
ตัวอย่างเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่อาจต้องใช้ในการดำเนินคดี ได้แก่
- สำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกา
- สำเนาโฉนดที่ดิน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาภาพถ่ายที่ดินที่บุกรุก
- สำเนาพยานบุคคล
- สำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น หนังสือแจ้งเตือนให้จำเลยออกจากที่ดิน เป็นต้น
หากผู้ชนะคดีประสงค์จะดำเนินการทางกฎหมาย ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำและความช่วยเหลือเพิ่มเติม