การเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า สามารถทำได้ 2 ช่องทาง ดังนี้
ช่องทางที่ 1 ยื่นคำขอด้วยตนเอง
- เตรียมเอกสารหลักฐาน ได้แก่
- สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับโอน
- สำเนาสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเช่า
- ใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าเดือนล่าสุด
- ยื่นคำขอที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวงหรือสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่
- ชำระค่าธรรมเนียมการโอนตามที่กำหนด
ช่องทางที่ 2 ยื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์
- เข้าเว็บไซต์ของสำนักงานการไฟฟ้านครหลวงหรือสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
- เลือกบริการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้ไฟฟ้า
- กรอกข้อมูลและแนบเอกสารหลักฐาน
- ชำระค่าธรรมเนียมการโอนตามที่กำหนด
เอกสารหลักฐานที่ต้องแนบ
- สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับโอน
- สำเนาสัญญาซื้อขายหรือสัญญาเช่า
- ใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้าเดือนล่าสุด
ค่าธรรมเนียมการโอน
- การไฟฟ้านครหลวง 100 บาท
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 120 บาท
ระยะเวลาดำเนินการ
ภายใน 7 วันทำการ
ข้อควรระวัง
- กรณีเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า เนื่องจากผู้รับโอนเป็นผู้เช่าอาคาร จะต้องแนบสัญญาเช่าอาคารฉบับจริง
- กรณีเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า เนื่องจากผู้รับโอนเป็นผู้รับมรดก จะต้องแนบหลักฐานการได้รับมรดก
ตัวอย่างเอกสารประกอบ
- สัญญาซื้อขาย
- สัญญาเช่า
- ใบเสร็จรับเงินค่าไฟฟ้า
- หลักฐานการได้รับมรดก
ขั้นตอนการเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า
- เตรียมเอกสารหลักฐาน
- เลือกช่องทางการยื่นคำขอ
- ยื่นคำขอและชำระค่าธรรมเนียม
- รับหนังสือแจ้งการโอน
- ชำระเงินค่าไฟฟ้าตามปกติ
คำถามที่พบบ่อย
- เปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าได้กี่ครั้ง?
สามารถเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าได้หลายครั้ง โดยจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนข้างต้นทุกครั้ง
- เปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า มีผลเมื่อใด?
การเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าจะมีผลบังคับใช้เมื่อผู้รับโอนชำระค่าธรรมเนียมการโอนเรียบร้อยแล้ว
- เปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า ต้องแจ้งหน่วยงานอื่นหรือไม่?
การเปลี่ยนชื่อเจ้าของหม้อแปลงไฟฟ้า ไม่จำเป็นต้องแจ้งหน่วยงานอื่นใด นอกจากสำนักงานการไฟฟ้านครหลวงหรือสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค