แก้ไขล่าสุด วันที่ 17th August, 2023 at 09:19 pm
กฎหมายที่อ้างอิงเกี่ยวกับการหย่าร้าง ได้แก่
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516
- พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด พ.ศ. 2553
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 บัญญัติว่า “สามีหรือภริยาจะฟ้องหย่าได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือประพฤติต่ออีกฝ่ายหนึ่งด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทารุณกรรมอย่างร้ายแรง
(2) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี
(3) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาให้เป็นคนสาบสูญหรือไปจากภูมิลำเนาโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าอยู่ที่ไหนเกินสามปี
(4) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรแก่พฤติการณ์และฐานะของตน
(5) สามีหรือภริยาทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงจนอีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควร
(6) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี ยากที่จะหายได้ และถึงขนาดที่ทนอยู่ร่วมกันต่อไปไม่ได้
(7) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำไว้เป็นหนังสือเรื่องความประพฤติ
(8) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่ง และโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางรักษาให้หายได้
(9) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายที่ทำให้ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล”
พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด พ.ศ. 2553 บัญญัติว่า “ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับความเสื่อมเสียหรือขัดขวางทางเพศ คดีเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัว คดีเกี่ยวกับการหย่าร้าง คดีเกี่ยวกับบุตร คดีเกี่ยวกับอำนาจปกครองบุตร สิทธิในการอุปการะเลี้ยงดูบุตร สิทธิในการติดต่อกับบุตร สิทธิในการเยี่ยมเยียนบุตร และคดีอื่นเกี่ยวกับครอบครัวหรือเด็กที่อยู่ในความดูแลของศาลเยาวชนและครอบครัว”
หากคู่สมรสไม่ประสงค์ที่จะหย่าร้างกัน แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประสงค์ที่จะหย่าร้าง ฝ่ายที่ประสงค์ที่จะหย่าร้างสามารถยื่นคำร้องขอหย่าร้างต่อศาลเยาวชนและครอบครัวได้ ศาลเยาวชนและครอบครัวจะพิจารณาคำร้องขอหย่าร้างโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของคู่สมรสและบุตร หากศาลเห็นว่าคำร้องขอหย่าร้างมีเหตุสมควร ศาลจะพิพากษาให้หย่าร้างกัน