โรคหูดับ เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus suis เชื้อนี้พบได้ในทางเดินหายใจและเลือดของหมู โดยสามารถติดต่อมายังคนได้จากการบริโภคเนื้อหมู เลือดหมูที่ปรุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ หรือแบบดิบ และจากการสัมผัสชิ้นส่วนของเนื้อหมู เลือดหมู ผ่านทางผิวหนังที่มีรอยถลอก บาดแผล หรือเยื่อบุตา
อาการของโรคหูดับมักเริ่มขึ้นภายใน 1-2 วันหลังจากได้รับเชื้อ โดยอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ไข้สูง 38-40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ
- คอแข็ง
- เวียนศีรษะ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดกล้ามเนื้อ
- ไอ
- น้ำมูกไหล
ในบางรายอาจมีอาการรุนแรง เช่น
- ชัก
- หมดสติ
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- เสียชีวิต
วิธีป้องกันโรคหูดับ
โรคหูดับสามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือบริโภคเนื้อหมูที่ไม่ได้รับการปรุงสุก โดยควรปรุงเนื้อหมูด้วยความร้อนที่อุณหภูมิอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 10 นาที หรือจนไม่มีสีแดงหรือเลือดที่ชิ้นเนื้อ
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหมูที่ป่วยหรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และควรสวมถุงมือ รองเท้าบูท เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย
วิธีดูแลรักษาโรคหูดับ
หากมีอาการของโรคหูดับ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด การรักษาโรคหูดับจะมุ่งเน้นไปที่การกำจัดเชื้อแบคทีเรียออกจากร่างกาย โดยแพทย์จะสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะให้ผู้ป่วยรับประทานหรือฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ผู้ป่วยควรรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
นอกจากนี้ แพทย์อาจให้การรักษาแบบประคับประคองอาการของผู้ป่วย เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้เวียนศีรษะ เป็นต้น
การพยากรณ์โรค
โรคหูดับสามารถรักษาให้หายขาดได้หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้
คำแนะนำ
หากมีอาการของโรคหูดับ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการลุกลามของโรคและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน