อาการปวดกระเพาะปัสสาวะอักเสบของผู้หญิง มักมีลักษณะดังนี้
- ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย
- ปัสสาวะมีกลิ่นแรงหรือมีสีขุ่น
- มีเลือดปนในปัสสาวะ
อาการเหล่านี้อาจรุนแรงขึ้นได้หากไม่ได้รับการรักษา โดยอาจมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดหลัง หรือคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
สาเหตุของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ โดยเชื้อแบคทีเรียอาจเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ การใช้สายสวนปัสสาวะ หรือกลั้นปัสสาวะนานๆ
การรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักใช้ยาปฏิชีวนะ โดยแพทย์จะพิจารณาชนิดและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและผลการตรวจปัสสาวะ
นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ที่อาจช่วยบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ เช่น
- ดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อขับปัสสาวะและไล่เชื้อแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
หากมีอาการปวดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากหากไม่ได้รับการรักษาอาจลุกลามเป็นการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น เช่น การติดเชื้อในไต ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- ดื่มน้ำให้มากๆ
- ปัสสาวะทันทีเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ
- หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
- ไม่สวนล้างช่องคลอด
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- หากมีเพศสัมพันธ์ ควรปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์
หากมีประวัติกระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีป้องกันที่เหมาะสม