เพื่อนบ้านยืมเงิน ไม่ยอมคืน มีสัญญากู้ยืม

กรณีเพื่อนบ้านยืมเงิน ไม่ยอมคืน มีสัญญากู้ยืม สามารถทำได้ดังนี้

  1. ติดต่อเพื่อนบ้าน เพื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ยังไม่ยอมคืนเงิน หากเพื่อนบ้านมีเหตุจำเป็น เช่น ติดขัดเรื่องการเงิน ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันได้ เช่น ผ่อนชำระหนี้ หรือขอขยายเวลาการชำระหนี้ เป็นต้น
  2. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเพื่อนบ้านไม่ติดต่อกลับ หรือไม่ยอมเจรจาไกล่เกลี่ย ในกรณีนี้อาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงหรือยักยอกทรัพย์ โดยผู้ให้กู้สามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีกับผู้กู้ได้
  3. ฟ้องร้องผู้กู้ หากผู้กู้ไม่ยอมคืนเงิน และผู้ให้กู้ต้องการยึดถือเงินคืน ในกรณีนี้ผู้ให้กู้สามารถฟ้องร้องผู้กู้ต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้คืนเงินคืน

ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ให้กู้ดำเนินการฟ้องร้องผู้กู้ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างถูกต้องและครบถ้วน เพื่อให้ได้รับสิทธิตามกฎหมาย

นอกจากนี้ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว ผู้ให้กู้ควรพิจารณาเงื่อนไขในสัญญากู้ยืมอย่างรอบคอบ โดยควรระบุรายละเอียดในการกู้ยืมให้ชัดเจน เช่น จำนวนเงินที่กู้ยืม ระยะเวลาในการชำระหนี้ อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น

ขั้นตอนในการดำเนินการฟ้องร้องผู้กู้มีดังนี้

  1. รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญากู้ยืม หลักฐานการโอนเงิน หลักฐานการติดต่อกับอีกฝ่าย เป็นต้น
  2. ยื่นคำฟ้องต่อศาล โดยระบุรายละเอียดในการกู้ยืม เช่น จำนวนเงินที่กู้ยืม ระยะเวลาในการชำระหนี้ อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
  3. ศาลจะนัดหมายทั้งสองฝ่ายมาไต่สวนมูลฟ้อง หากศาลเห็นว่ามูลฟ้องมีอยู่จริง ศาลจะประทับรับฟ้อง
  4. ศาลจะนัดหมายทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย หากทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ ศาลจะออกคำสั่งให้ปฏิบัติตามข้อตกลง
  5. หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจะกำหนดวันนัดสืบพยาน ทั้งสองฝ่ายจะต้องนำพยานหลักฐานมาสืบต่อศาล
  6. ศาลจะพิพากษาคดี หากศาลพิพากษาให้คืนเงิน ผู้ให้กู้สามารถบังคับคดีตามคำพิพากษา

ค่าธรรมเนียมในการฟ้องร้องผู้กู้ ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ฟ้องร้อง โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ค่าขึ้นศาล และค่าทนายความ

ค่าขึ้นศาล จะคำนวณตามจำนวนเงินที่ฟ้องร้อง อัตราค่าขึ้นศาลจะแตกต่างกันไปในแต่ละศาล

ค่าทนายความ ขึ้นอยู่กับความยุ่งยากของคดี โดยทนายความจะเป็นผู้กำหนดค่าทนายความ

การฟ้องร้องผู้กู้ เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ใช้เวลาและค่าใช้จ่าย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนดำเนินการ

Share on: